ความร่วมมือล่าสุดได้เร่งรัดการเข้าสู่ตลาดจีนของสินค้าเกษตรไทยที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะทุเรียนและข้าวหอมมะลิ ผ่านนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์และการค้าปลีกที่ผสมผสานประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเจาะฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ของจีนอย่างมีประสิทธิภาพ
จีนเป็นตลาดส่งออกทุเรียนสดที่ใหญ่ที่สุดของไทยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงถึงการพึ่งพาตลาดเดียวที่สูงมาก
แม้การส่งออกข้าวหอมมะลิจะเติบโตถึง +42% (YoY) แต่ยังมีโอกาสอีกมากในการขยายส่วนแบ่งตลาดในจีน
จีนได้เข้ามาลงทุนอย่างมหาศาลในภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติของไทยในการเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
ผู้ผลิต EV และแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน เช่น BYD, MG, Great Wall Motor, CATL, และ SVOLT ได้ลงทุนกว่า $1.4 พันล้าน เพื่อตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย
การลงทุนนี้ไม่เพียงแต่สร้างโรงงานประกอบรถยนต์ แต่ยังรวมถึงการผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน EV ช่วยผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลาง EV ในภูมิภาคตามเป้าหมาย 30@30
การลงทุนจากจีนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของ FDI ทั้งหมดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของไทย
แม้ความร่วมมือจะลึกซึ้งขึ้น แต่ไทยยังคงเผชิญกับภาวะขาดดุลการค้ากับจีนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยการขาดดุลส่วนใหญ่มาจากการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศ
ไทยขาดดุลการค้ากับจีนถึง $19.23 พันล้าน ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568
การนำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทเครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจำเป็นต่อการยกระดับอุตสาหกรรมของไทย
ความตกลงการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) เวอร์ชัน 3.0 ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นกรอบการทำงานที่สำคัญในการขยายความร่วมมือไปสู่มิติใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากการค้าสินค้าแบบดั้งเดิม เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม
จัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ธุรกิจไทย-จีน | ข้อมูล ณ กรกฎาคม 2568
อินโฟกราฟิกนี้สร้างขึ้นเพื่อการวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเท่านั้น